จัดว่าฟ้องตัวแทนจำหน่าย และผู้ผลิตโปรแกรมโกงจนรวยเละไปแล้วก็ว่าได้สำหรับทีมงาน Bungie ที่สามารถเอาชนะคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ต่อเนื่องถึง 3 ยก
หลังจากก่อนหน้านี้ ทีมพัฒนาเกม Bungie สามารถเอาชนะคดีฟ้องผู้วางจำหน่ายโปรแกรมโกง Destiny 2 ไปได้ถึงสองราย แต่ไม่นานมานี้ ทีมงานก็ได้เอาชนะคดีครั้งที่สาม ซึ่งครั้งนี้เป็นการฟ้องร้องค่าเสียหายไปถึงนักผลิตโปรแกรมโกงเกมโดยตรง
ล่าสุด ศาลได้ตัดสินว่า Daniel Larsen นักผลิตโปรแกรมโกง Destiny 2 จากกลุ่ม Elite Boss Tech ต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงินจำนวน 16.2 ล้านเหรียญฯ ให้ทีมพัฒนาเกม Bungie ด้วยข้อหาละเมิดกฎ DMCA, การละเมิดพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ และการละเมิดพระราชบัญญัติ RICO
การฟ้องร้องระหว่าง Bungie กับ Daniel Larsen ได้เริ่มขึ้นเมื่อปี 2022 ซึ่งทีมพัฒนาเกมกล่าวว่า โปรแกรมโกง Destiny 2 มีผลทำให้ทีมงานต้องเสียค่าใช้จ่ายกว่า 2 ล้านเหรียญฯ เพื่อพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัย และส่งผลกระทบทำให้ผู้เล่นอื่นได้รับประสบการณ์การเล่นเกมที่ย่ำแย่
เนื่องจากศาลตัดสินให้ Bungie เป็นผู้ชนะคดี ทาง Larsen จึงต้องจ่ายเงินค่าเสียหายให้ Bungie เป็นเงินจำนวน 16.2 ล้านเหรียญฯ โดยค่าปรับทั้งหมดมาจากการละเมิดกฎ DMCA (13.5 ล้านเหรียญฯ), ละเมิดกฎพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (300,000 เหรียญฯ), การละเมิดกฎพระราชบัญญัติ RICO (เกือบ 2 ล้านเหรียญฯ) และค่าจ้างทนายกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (ราว 348,150 เหรียญฯ)
อย่างไรก็ตาม Bungie จะไม่ได้เงินค่าปรับตามจำนวนที่เรียกร้องไว้เล็กน้อย เนื่องจากศาลชี้ว่าจำนวนเงินที่ Bungie ฟ้องในตอนแรก ทาง Bungie ไม่มีหลักฐานเพียงพอในการคิดหารายได้ที่ Larsen ได้รับจริง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจาก Bungie สามารถเอาชนะคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายแก่ VeteranCheats และ LaviCheats ข้อหาขายโปรแกรมโกง Destiny 2 ซึ่งตอนนี้ ทีมงาน Bungie ได้รับเงินรางวัลจากการฟ้องค่าเสียหายได้รวมแล้วเกือบ 35 ล้านเหรียญฯ
ที่มา: PC Gamer