Craig Mazin ผู้กำกับซีรีส์ ร่วมกับ Neil Druckmann ได้ออกมาเผยเบื้องหลังการสร้างซีรีส์ The Last of Us เชื่อว่าความผิดพลาดที่พบบ่อยในการดัดแปลงวิดีโอเกมกลายเป็นหนัง/ซีรีส์ คือ ตัวหนังพยายามนำเสนอให้เหมือนกับเกมมากเกินไป จนมองข้ามการเล่าเรื่อง
“พวกเราคิดตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน
จากที่ผมสังเกต ผมคิดว่าความผิดพลาดส่วนใหญ่ของการทำสื่อไลฟ์แอ็กชันดัดแปลงจากเกม คือทีมสร้างหนังคิดว่าสิ่งนี้สิ่งนั้น คือสิ่งที่ทำให้ผู้คนเชื่อมโยงเข้ากับเกมได้ แต่ The Last of Us มันมีอะไรมากกว่าแค่วิดีโอเกม มันเป็นเกมที่ทำให้ผมรู้สึกผูกพันกับตัวละคร และความสัมพันธ์ระหว่าง Joel กับ Ellie คือสิ่งที่พวกเราอยากจะนำเสนอออกมามากที่สุด” – Craig Mazin กล่าว
ถึงแม้การเล่าเรื่องของเกม The Last of Us จะมีฉากแอ็กชัน และฉากความรุนแรง แต่ทีมถ่ายทำตัดสินใจที่จะนำเสนอฉากรุนแรงในซีรีส์ เมื่อถึงฉากที่จำเป็นเท่านั้น
“หากเราถ่ายทำฉากทุกฉากตามเกม ตามโลกทัศน์ของผู้เล่น (ที่รับบทเป็น Joel) มันจะทำให้ซีรีส์นี้มีแต่ฉากแอ็กชันที่น่าเบื่อ ดังนั้น เราจึงตัดสินใจประมาณว่า “ไม่เอาฉากที่ไม่จำเป็น เราจะนำเสนอฉากรุนแรงเมื่อต้องการเท่านั้น” ซึ่งมันส่งผลทำให้ความรุนแรงในซีรีส์ สามารถสร้างแรงสะเทือนต่อผู้ชมมากกว่าในเกม” – Neil Druckmann กล่าว
นอกจากนี้ Neil Druckmann ระบุว่าในซีรีส์ มีการเล่าขยายเรื่องราวที่ไม่ได้นำเสนอในเกม ซึ่งช่วยทำให้พล็อตมีความสมเหตุสมผลเต็มอิ่มมากขึ้น และนำเสนอสิ่งใหม่ที่ไม่มีในต้นฉบับ ซึ่ง Druckmann ยกตัวอย่างว่าในซีรีส์จะมีการบอกใบ้ว่า Marlene กับ Ellie ได้เจอกันครั้งแรกตอนไหน ในขณะที่เวอร์ชันเกมไม่ได้มีการอธิบายตรงส่วนนั้น
ซีรีส์ The Last of Us ของ HBO ได้ออกฉายตอนแรก เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา โดยตอนนี้ ซีรีส์ดังกล่าวกำลังมีกระแสตอบรับที่ดีมากทั้งจากผู้ชมทั่วไป กับนักวิจารณ์ โดยมีเสียงชื่นชมในด้านประสิทธิภาพการแสดงของ Pedro Pascal กับ Bella Ramsey รวมถึงการนำเสนอได้เคารพต้นฉบับเกมอย่างสูง พร้อมเผยเนื้อหาใหม่ที่เป็นการขยายเรื่องราวจากเวอร์ชันเกม
ซีรีส์ The Last of Us ของ HBO สามารถรับชมได้แล้ววันนี้ ผ่านแพลตฟอร์ม HBO GO
ที่มา: Variety