BY Aisoon Srikum
1 Feb 22 5:50 pm

ย้อนรอย Resident Evil เวอร์ชั่น Alice ตำนานผีชีวะฉบับตีความใหม่ให้แตกต่างจากตัวเกม

121 Views

หลังจาก Resident Evil: Welcome to Raccoon City เปิดตัวและเข้าฉายไป ไม่ต้องบอกก็พอรู้ว่ากระแสของหนังนั้นออกมาเป็นแบบไหน ด้วยความชวนปวดหัวของหนัง ทำให้แฟน ๆ หลายคนถึงขั้นกลับไปสรรเสริญภาพยนตร์ Resident Evil เวอร์ชั่นแรกสุด หรือที่ใครหลายคนเรียกติดปากว่า เวอร์ชั่นอลิซ ที่นำแสดงโดย Milla Jovovich ว่าเป็นหนังดีขึ้นมาทันที และ Resident Evil ฉบับนี้ก็มีความยาวมากถึง 7 ภาคด้วยกัน แต่วันนี้เราจะขอพาทุกท่านย้อนไปสัมผัสกับเรื่องราวของ Resident Evil ฉบับปี 2002 ภาคแรกเริ่มกัน ว่ามันมีที่มาที่ไปยังไง

จุดเริ่มต้น ตำนานผีชีวะ

3762368 Resevil

หลังจากที่ Resident Evil ภาคแรก เปิดตัวและวางจำหน่ายโดย Capcom เมื่อปี 1996 ดูเหมือนว่าจะมีคนเล็งเห็นศักยภาพของเกมว่ามันน่าจะทำเป็นหนังได้ ในช่วงต้นปี 1997 หลังเกมออกวางจำหน่ายไปได้ยังไม่ทันครบปี ทาง Constantin Film ซึ่งเป็นสตูดิโอของประเทศเยอรมัน จึงทำการขอซื้อลิขสิทธิ์จากทาง Capcom เพื่อดัดแปลงให้ Resident Evil มาเป็นภาพยนตร์คนแสดง และเริ่มกระบวนการสร้างมาตั้งแต่ปี 1997 แต่ใครจะรู้ว่า กว่าหนังภาคแรกจะได้ออกฉายก็คืออีก 5 ปีต่อมา หรือปี 2002 โน่นเลยทีเดียว

สาเหตุที่มันใช้เวลานานขนาดนี้ เพราะมีการเปลี่ยนตัวทั้งมือเขียนบท และผู้กำกับกันหลายหนมาก เริ่มแรกเลย คนที่มาเขียนบทให้คนแรกคือ Alan B. McElroy โดยสคริปท์ของเขาจะคล้ายกับเกมต้นฉบับ แต่ดัดแปลงหลายอย่างออกไป เช่นไม่มีการเอ่ยถึงบริษัทอัมเบรลล่า หรือทีม S.T.A.R.S โดยมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับทีมหน่วยรบพิเศษที่รัฐบาลส่งมาเพื่อช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์จากห้องทดลองของคฤหาสน์แห่งหนึ่ง ก่อนจะพบว่าที่แห่งนี้เป็นกับดัก พวกเขาเป็นเพียงตัวทดลองเท่านั้น สคริปท์นี้มีความคล้ายกันกับเกมภาคแรก แต่เปลี่ยนรูปแบบการเล่าเรื่องแทน แน่นอนว่าสคริปท์นี้ของ McElroy ถูกปฏิเสธไป

และในปี 1998 ช่วงที่ Resident Evil 2 วางจำหน่าย ตอนนั้นมีการโปรโมทเกมด้วยโฆษณาฉบับไลฟ์แอ็คชั่น ที่ได้ George A. Romero มารับหน้าที่กำกับ และโฆษณานั้นก็โด่งดังมาก ๆ จนทาง Sony สนใจติดต่อให้ Romero มาเขียนบทและกำกับ Resident Evil เวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่ยังไม่ได้สร้างสักที Romero ตอบรับคำขอ ถึงขั้นที่ว่านั่งอัดวิดีโอตอนที่ตัวเองกำลังนั่งเล่นเกม เพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูล ก่อนจะที่ดราฟท์บทภาพยนตร์ส่งให้ทาง Sony โดยบทของเขาจะมี Chris Redfield และ Jill Valentine เป็นตัวละครหลัก มีการปรากฎตัวของ Barry Berton, Rebecca Chambers, Ada Wong และ Albert Wesker แถม Romero ยังเขียนบทหนังที่ต่างกันไว้มากกว่า 5-6 ฉบับ ทุกอย่างเหมือนจะดูดีและไปได้สวยใช่หรือไม่ ?

ปัญหามันอยู่ที่เรื่องของความรุนแรงในหนังที่มีเยอะมาก ๆ  Robert Kulzer หัวหน้าฝ่ายในตอนนั้นเผยว่า แม้บทภาพยนตร์ของ Romero จะดีมาก ๆ แต่ถ้าอนุมัติการสร้าง มันจะต้องได้เรท NC-17 แถมโปรดิวเซอร์ในตอนนั้นกลับชอบบทของ McElroy มากกว่า แถมตอนนั้นเกมภาค 2 ก็กำลังวางจำหน่าย มันทำให้บทของ Romero ดูเชย และล้าสมัยมาก ๆ  ทำให้ Romero ตัดสินใจออกจากโปรเจกต์ไปในที่สุด หรือแม้แต่ตอนปี 2000 ที่ Jamie Blanks ที่กำลังโด่งดังจากหนังเรื่อง Urban Legend ก็เข้ามารอท่าพร้อมด้วยสคริปท์จากนักเขียนบทหน้าใหม่ แต่สุดท้ายก็แคนเซิลอยู่ดี เรียกได้ว่า ทั้งผู้กำกับและมือเขียนบท โบกมือลากันไปสามทีมใหญ่ ๆ เลยทีเดียว

ให้คนที่ทำหนังจากเกมแล้วรุ่งมาทำมันซะเลย

ย้อนหลังไปก่อนที่เกมภาคแรกจะวางจำหน่าย มีภาพยนตร์จากเกมอยู่เรื่องหนึ่งที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ และใช้ทุนในการสร้างต่ำมาก หนังเรื่องนั้นคือ Mortal Kombat ที่ตอนนั้นได้ Paul W.S. Anderson นั่งแท่นกำกับ หนังเรื่องนี้ถือเป็นหนังจากเกมที่ประสบความสำเร็จเป็นเรื่องแรก ๆ จนทาง Constantin Film ติดต่อไป เขาจึงลองดราฟท์บทแรกของหนังขึ้นมา โดยใช้การดัดแปลง ลอกเลียนแบบ และไม่ใช้วัตถุดิบจากเกมทั้งหมด ซึ่งทางหัวหน้าของ Constantin Film ดันเห็นดีเห็นงามว่ามันน่าจะไปได้สวย ปลายปี 2000 หลังจากเปลี่ยนมือทีมงานมาหลายชุด Paul W.S. Anderson จึงเข้ามารับหน้าที่ทั้งกำกับและเขียนบทในหนัง Resident Evil ภาคแรก และ Anderson เผยว่า หนังของเขาจะไม่มีการ Tie-In กับวิดีโอเกมแต่อย่างใด เพราะหากทำแบบนั้นมันจะธรรมดาเกินไป และนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของหนังจากเกม ที่อิงต้นฉบับเกมน้อยมาก อย่าง Resident Evil หรือ “ผีชีวะ”

ดัดแปลง ตีความ และเล่าเรื่องใหม่ โดยใช้ของเดิมสอดแทรกเข้ามา

2002

Resident Evil ภาคแรก ใช้ชื่อภาษาไทยว่า “ผีชีวะ” ซึ่งน่าจะทำให้แฟน ๆ ในไทยหลายคนรู้จักชื่อนี้ โดยในตอนนั้น มงคลเมเจอร์เป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาฉายในประเทศไทย และตัวหนังยังมีการให้เสียงภาษาไทยโดย พันธมิตร อีกด้วย แต่นี่คือหนังจากเกมที่ฉีกขนบเดิมออกไป เพราะมันแทบจะไม่มีตัวละครหลักจากเกมเข้ามามีบทบาทเลยแม้แต่น้อย

เวอร์ชั่นหนังว่าด้วยเรื่องราวของ เมือง Raccoon City ที่ภายใต้เมืองนี้มีบริษัทอัมเบรลล่าคอร์ป ที่ฉากหน้าเป็ฯองค์กรใหญ่ที่มีผลิตภัณฑ์ เวชภัณฑ์ต่าง ๆ แต่เบื้องหลังกลับเป็นการทดลองอาวุธสงคราม และอาวุธชีวภาพ ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อ T-Virus ไวรัสสุดอันตรายถูกขโมยออกจากไฮฟ์หรือรวงผึ้งที่อยู่ด้านล่าง ทำให้เชื้อเล็ดลอดออกมา พนักงานจำนวนมากตายลงทันที แถมยังตายไม่สนิท เพราะเชื้อไวรัสตัวนี้ทำให้พวกเขากลายเป็นซอมบี้ รวมไปถึงสัตว์ทดลองต่าง ๆ ก็กลายพันธุ์ไปด้วย ทีมคอมมานโดจึงถูกส่งลงมาเพื่อจัดการสถานการณ์นี้ เบื้องต้นทุกคนคิดว่ามันเป็นแผนการร้ายของ Red Queen ปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะที่อาจจะถูกแฮคจนหันมาโจมตีบริษัทเอง แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไปเรื่อย ๆ ก็พบว่ามันไม่ใช่แบบนั้น

Maxresdefault

ใครที่ยังไม่เคยดูอ่านแล้วอาจจะถึงกับงงไปเลย ว่านี่คือหนังจาก Resident Evil แน่หรือ ? เพราะในหนังแทบไม่มีตัวละครที่เรารู้จักเลย มีแต่ Object และสิ่งของต่าง ๆ ที่เรารู้จัก เช่นบริษัทอัมเบรลล่า รวมไปถึงพวกซอมบี้ หมาซอมบี้ และทีเด็ดของหนังภาคแรกเลยคือ Licker (ที่ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่ามันยังทำออกมาดูดีกว่าเวอร์ชั่น 2021) ส่วนตัวละครนั้น ไม่มีคริส ไม่มีจิลล์ ไม่มีเวสเกอร์ มีเพียงตัวละครอลิซ และทีมคอมมานโดเท่านั้น แต่หนังไม่ได้โดนสับยับจนย่ำแย่ เพราะใน IMDB นั้นได้คะแนนไปถึง 6.7 / 10 คะแนน จากผู้ลงคะแนนกว่า 260,000 คน ถือว่าไม่น้อยนัก ส่วนรายได้นี่ยิ่งเกินคาดมาก ๆ เพราะหนังใช้ทุนสร้างไปเพียง 33 ล้านดอลลาร์ แต่สามารถเปิดตัวในสัปดาห์แรกในการเข้าฉายโรงภาพยนตร์ได้ถึง 17 ล้านดอลลาร์ และกวาดเงินทั่วโลกรวมแล้ว 100 ล้านดอลลาร์ด้วยกัน ด้วยการประสบความสำเร็จระดับนี้ทำให้หนังมีภาคต่อตามมาอีก 6 ภาค ยาวอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2017 ซึ่งตัวของ Paul W.S. Anderson เอง ไม่ได้รับหน้าที่กำกับในหนังภาค 2 และ 3 แต่กลับมารับหน้าที่ต่อในภาค 4 – 7 แทน

F3d3cf358997a8cef46cfca792ef228c

การเล่าเรื่องแบบไม่อิงเกมนี้ เป็นสิ่งที่หลาย ๆ เรื่องในยุคหลังก็ทำ เพราะมันทำให้ผู้สร้างไม่จำเป็นที่จะต้องยึดติดกับจักรวาลของเกม และนเื้อเรื่องของเกมเป็นตัวบีบบังคับ อย่างเช่น Mortal Kombat ฉบับปี 2021 ก็ทำแบบนี้ หรือแม้แต่ซีรีส์ Halo ที่กำลังจะออกฉายทางช่อง Paramount+ เองก็เลือกใช้วิธีนี้ในการเล่าเรื่องด้วยเช่นกัน สาเหตุเพราะว่า ไม่ให้เป็นภาระของทั้งทีมทำเกม และทีมทำหนังที่จะต้องมานั่งคอยเล่าเรื่องราวเพื่อเชื่อมต่อกัน ทำให้เกิดความยุ่งยากในการทำงานขึ้น เพราะใช่ว่าทีมทำหนังจะต้องเคยเล่นเกม หรือทีมที่ทำเกมจะต้องไปนั่งดูหนัง

แต่สำหรับ Resident Evil ฉบับปี 2002 นั้น ถือเป็นการสร้างเรื่องราว สร้างการตีความขึ้นมาใหม่ และใช้วัตถุดิบของ Resident Evil ต้นฉบับให้เป็นประโยชน์ และผสมผสานเข้ากับความไซไฟได้อย่างลงตัว บวกกับช่วงนั้น กระแสโซเชียล และการวิพากษ์วิจารณ์ยังไม่รุนแรงเท่าปัจจุบัน ทำให้แม้ตัวหนังจะฉีกจากตัวเกมไปเยอะ แต่ก็ประสบความสำเร็จจนดันภาคต่อออกมาได้เรื่อย ๆ ถือเป็นอีกหนึ่งหนังจากเกมที่หลายคนบอกว่า แม้จะดูเหมือนเป็นจักรวาล What if ของเกมมากกว่า แต่ก็ทำออกมาได้ดีใช้ได้เลย (ในยุคนั้น)

ใครที่อยากรับชม Resident Evil ฉบับ Milla Jovovich ปี 2002 นี้ สามารถรับชมได้ทาง Netflix ไม่แน่ คุณอาจจะชอบกว่าภาค Welcome to Raccoon City นี้ก็เป็นได้

SHARE

Aisoon Srikum

Related posts

Read More
Back to top