หลังจากเราแนะนำเกมนี้กันไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็ถึงคราวที่เราจะรีวิวให้ได้ชมกันแล้วกับสุดยอดเกมม้ามืดผู้เข้าชิงตำแหน่ง Game of the Year แบบเกินความคาดหมายของหลาย ๆ คนพอสมควร และเกมนี้มีอะไรที่เจ๋งถึงขั้นทะลุเข้าไปชิงรางวัลเกมแห่งปีได้ วันนี้มาพบคำตอบกันได้กับบทความรีวิว Hades
Story
เรารับบทเป็น Zagreus บุตรชายอมตะฆ่าไม่ตายของ Hades จ้าวแห่งขุมนรก (ฆ่าไม่ตายแต่ก็ตาย – เกิดใหม่ – วนเวียนได้เรื่อย ๆ) เขาถูกเลี้ยงดูมาโดย Nyx แม่บุญธรรม แต่เขาต้องการจะฝ่าขุมนรกนี้ออกไปเพื่อตามหาว่าแม่ที่แท้จริงของเป็นใครกันแน่ Nyx ช่วย Zagreus ด้วยกระจกวิเศษ Mirror of Night ส่วน Achilles ก็มอบอาวุธหรือ Infernal Arms ให้ นอกจากนั้นเหล่าทวยเทพทั้งหลายต่างก็มาให้กำลังใจและให้พลังให้ Zagreus ทำสำเร็จ แน่นอนว่า Hades ผู้เป็นพ่อ แม้จะไมไ่ด้ขัดขวางโดยตรงแต่เขาก็ปล่อยเหล่าผู้มีอำนาจให้ขัดขวาง Zagreus ทางอ้อม ทั้ง Magaera, Alecto, Tisiphone และงูยักษ์ Lernean Bone Hydra และอื่น ๆ อีกมากมาย
หนทางการฝ่าฟันอุปสรรคของ Zagreus จะเป็นเช่นไร และคำตอบที่แท้จริงของเรื่องราวครั้งนี้จะเป็นแบบไหน ผู้เขียนคงต้องให้ผู้อ่านลองไปสัมผัสกันเอาเอง
และแม้ว่าเกมจะเป็นการหยิบเอาเทมโอลิมปัสมาเล่าเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ทำให้มันน่าเบื่อ ส่วนการดำเนินเรื่องราว จะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับผู้เล่นว่าจะเก่งจนถึงขั้นฝ่าฟันเกมนี้ไปได้ถึงด่านใด ถึงตัวเกมจะเป็น Action Roguelike ที่ต้องตายกันซ้ำซาก แต่เนื้อเรื่องของเกมนี้จัดว่าไม่แย่เลยหากเทียบกับเกมอื่น ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าหากเทียบกับเกมอื่นในรายชื่อผู้เข้าชิงเกมแห่งปีก็อาจจะด้อยกว่าหลาย ๆ เกมอยู่เช่นกัน
Presentation
แน่นอนว่าเราเป็นบุตรชายของ Hades จุดเริ่มต้นของเราก็คือก้นสุดของขุมนรก ในเกมนี้ผู้เล่นจะต้องตะลุยฟันฝ่าขุมนรกทาร์ทารัส , ทุ่งแอสโฟเดล , เอลิเซียม และอีกหลากหลายพื้นที่ที่คนชอบอ่านเทพกรีกหรือโอลิมปัสจะต้องรู้จักกันดี
จุดเด่นของเกมนี้อย่างแรกเลยคือกราฟิก และงานศิลป์ของเกมที่หลายคนเห็นแล้วอาจจะชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ดูหรือชมตัวอย่าง แม้ว่ามันจะดำเนินเรื่องราวจากใต้ขุมนรก แต่ภาพที่แสดงออกมากลับมีสีสันสดใส มีชีวิตชีวา และการตีความรวมไปถึงการออกแบบเหล่าเทพโอลิมปัสองค์ต่าง ๆ ในรูปแบบของพวกเขาเองก็ทำออกมาได้ดีมาก ที่ดีไม่แพ้กันคือการใช้โทนสี เลือกสีประจำตัวให้กับเหล่าเทพได้อย่างลงตัว แฟนเกมจะจดจำเทพแต่ละองค์ได้ง่ายขึ้น แม้ว่าจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทพโอลิมปัสมาก่อนก็สามารถเพลิดเพลิน และสนุกไปกับมันได้อย่างง่ายดาย
ด้วยการนำเสนอตัวเกมในมุมมองแบบไอโซเมตริก ทำให้เรามองเห็นภาพรวมขนาดกว้าง ได้เห็นฉากแบบสบายตา เหนือสิ่งอื่นใดคือดนตรีประกอบ ดนตรีประกอบถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของ Hades ที่ทำให้เกมสนุกขึ้นมาก โดยเฉพาะฉากปะทะกับบอสทั้งหลาย ทำเอาอะดรีนาลีนพลุ่งพล่าน ตื่นเต้นตามไปด้วยเลย
และสำหรับเกมเมอร์สายนักอ่าน คุณจะพบว่าบทสนทนาของเหล่าตัวละครต่าง ๆ นั้นแทบจะไม่ซ้ำหน้ากัน ถึงขั้นมีบางคนบอกว่าเล่นเกมไป 30-40 ชั่วโมงแล้ว ก็ยังเจอบทสนทนาใหม่ ๆ อยู่เรื่อย ๆ ซึ่งบทสนทนาของเกมนี้ก็มีหลากหลาย ทั้งเกิดจากการที่ Zagreus พูดคุยกับเทพองค์ต่าง ๆ หรือตัวเขาเองบ่นสบถตัวเอง เทพสององค์ขัดขากันเองก็มีให้เห็น เป็นเกมที่ขาแอ็คชั่นก็สนุกกับเกมการเล่น ส่วนใครชอบอ่านก็มักจะเจอบทสนทนาใหม่ ๆ ตลอดการเล่น จนเราไม่อาจเดาได้เลยว่าสคริปท์บทสนทนาใน Hades มีเยอะขนาดไหนกันแน่
ถ้าคุณยังไม่เบื่อกับเรื่องราวของเหล่าเทพโอลิมปัส เรื่องราวของ Hades ก็ยังคงเป็นอีกเวอร์ชั่นที่สามารถสร้างความประทับใจให้ผู้เล่นได้อย่างแน่นอน
Gameplay
มาถึงในส่วนของระบบเกมเพลย์ที่ใครไม่ชอบก็อาจจะเกลียดไปเลย แต่เราอยากให้คุณลองก่อน เพราะเกมนี้มีระบบการเล่นแบบ Roguelike และสิ่งที่สุ่ม ไม่ใช่ศัตรูแต่จะเป็นไอเทมและของที่เราได้เป็นส่วนหลัก และเกมเพลย์หลักของมันก็คือการเล่นแบบแอ็คชั่นความเร็วสูงที่คุณจะต้องรู้จักการใช้สกิล และพิษสงรอบตัวของ Zagreus ให้เกิดประโยชน์
ในช่วงแรกเมื่อเราเล่นบุกไปเรื่อย ๆ ก็จะไม่มีอะไรมาก แต่พอฝ่าฟันไปสักพักคุณจะต้องตายอย่างแน่นอน เพราะศัตรูจะโหดขึ้นเกินกว่าที่คุณจะรับมือไหว แต่ช้าก่อน มันไม่ใช่ระบบ RPG เพียงแต่คุณจำเป็นต้องเอาไอเทมต่าง ๆ ที่ได้รับไปปลดล็อคความสามารถใหม่ ๆ ให้ Zagreus ยกตัวอย่างเช่นพลังชีวิตสูงสุดเพิ่มขึ้น ตายแล้วเกิดใหม่ได้อีกหลายชีวิต หรือขีดสูงสุดการใช้สกิลมีมากขึ้น มันไม่ใช่ระบบ RPG แต่จะปลดล็อคความสามารถแบบถาวรให้ Zagreus และทำให้เราเล่นเกมได้ง่ายมากขึ้นในรอบต่อ ๆ ไป
อาวุธในเกมนี้หรือ Infernal Arms มีทั้งหมด 6 ชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นจะมีความสามารถในการโจมตีต่างกัน ผู้เล่นสามารถกำหนดสไตล์การโจมตีของตัวเองได้ และสามารถอัปเกรดได้โดยใช้ Titan Blood ที่ดรอปจากบอสมาอัปเกรดเพิ่มเติมได้อีก
Zagreus ของเราจะมีการโจมตี 4 แบบแต่เป็น 4 แบบที่เราสามารถพลิกแพลงได้อย่างต่อเนื่อง เริ่มจากคลิกซ้ายจะเป็นการใช้อาวุธหลักโจมตี คลิกขวาจะเป็นการร่ายพลังเวทย์ สเปซบาร์จะเป็นการแดชพุ่งตัว และอีกแบบจะเป็นการโจมตีแบบพิเศษที่เราจะหาได้จากการเลือกบัฟของเหล่าเทพแต่ละองค์ การโจมตีประเภทนี้จะต้องสะสม God’s Gauge ให้ได้ระดับนึงก่อน โดยจะเป็นการโจมตีที่รุนแรง มีประสิทธิภาพมาก
แม้ว่าการโจมตีจะมีเพียง 4 รูปแบบ (บางครั้งก็ 3 เพราะไม่บ่อยนักที่เราจะเจอสกิลไม้ตายจากเหล่าเทพ) แต่เพียงแค่การโจมตีสามแบบก็ทำให้เราสนุกสนานไปกับแอ็คชั่นความเร็วสูงได้แล้ว ในบางฉากจะมีศัตรูออกมาเยอะมาก และการโจมตีของศัตรูแต่ละประเภทก็ไม่เหมือนกัน ผู้เล่นต้องรีบคิด และหาทางจัดการว่าศัตรูตัวไหนที่ควรจะถูกจัดการก่อน เพื่อความสะดวกสบายในการจัดการศัตรูที่เหลือด้วย เมื่อเรากำจัดศัตรูจนหมดฉาก ปกติแล้วเกมจะมีทางเลือกให้สองทาง และแต่ละทางมบอกไว้ชัดเจนเลยว่าทางต่อไป คุณจะได้รับไอเทมอะไร แต่คุณไม่รู้ว่าจะต้องเจอศัตรูแบบไหนแทน เราจึงสามารถเลือกได้ว่า จะไปห้องใด ทางไหน เพื่อเลือกเอาบัฟ ไอเทม หรือเจอเทพองค์ที่ต้องการได้
ตัวละคร Zagreus จะเก่งขึ้นระหว่างตะลุยด่านก็ต่อเมื่อได้รับบัฟจากทวยเทพ โดยเมื่อเราเจอเข้ากับเทพองค์ต่าง ๆ แบบสุ่มนั้น เราจะสามารถเลือกพรได้ 1 ข้อซึ่งจะบัฟการโจมตีทั้ง 3 แบบของเรา และจะมีผลจากบัฟที่ต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่นเทพไดโอนีซุสที่ทำให้การโจมตีของเราเกิดสถานะมึนเมา และสร้างความเสียหายต่อวินาที / เทพแอรีสที่ทำให้การโจมตีสร้างความเสียหายเพิ่มเติมเมื่อเวลาผ่านไป / เทพซุสที่ทำให้การโจมตีของเราเกิดสายฟ้าชิ่งไปมาได้ ผู้เล่นสามารถเลือกได้เลยว่าจะเพิ่มความสามารถอะไร ให้กับการโจมตีประเภทไหน
และอีกหนึ่งสิ่งที่จะบัฟการต่อสู้ของเราคือค้อนเดดาลัส การเจอค้อนเดดาลัสจะเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบอาวุธของเราให้มีการโจมตีประเภทใหม่ เช่นอาวุธปืน ที่ปกติจะทำการยิงแล้วรีโหลด ก็อาจจะทำให้ยิงรัวได้โดยไม่ต้องรีโหลด แต่แลกกับดาเมจที่เบา หรือยิงได้แรงขึ้น แต่ระยะโจมตีสั้นลงเป็นต้น ด้วยรูปแบบการอัปเกรดที่ผู้เล่นอาจจะต้องได้อย่างเสียอย่าง ผสมกับความท้าทายของเกม ทำให้เกมนี้มีความยากอยู่ในระดับที่ทาบเส้นพอดีเป๊ะ ไม่ยากจนหัวร้อน แต่ก็ไม่ง่ายพอที่จะนั่งเล่นแบบชิล ๆ ได้
แน่นอนว่าความตายคือสิ่งที่ผู้เล่นทุกคนต้องประสบพบเจอ และการตายแต่ละครั้งจะทำให้เราได้ปลดล็อคความสามารถใหม่ ๆ ที่กระจกหน้าห้องนอนก่อนออกมาลุย รวมไปถึงไอเทมบางอย่างสามารถผูกมิตรกับเหล่าเทพเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น โดยเราจะได้รับเครื่องประดับติดตัวของเทพองค์นั้น ๆ มาเป็นสเตตัสเพิ่มพิเศษให้กับเราได้อีกด้วย
ตัวเกมมีความ Grinding ในระดับหนึ่งนั่นคือผู้เล่นต้องเล่นให้เยอะ และตายมากพอที่จะปลดล็อคความสามารถบางอย่าง แต่ถึงอย่างนั้น ทุกครั้งที่เราตายเราก็จะมองเห็นถึงความผิดพลาดของตัวเอง และ Zagreus เองก็เก่งขึ้นเรื่อย ๆ จากความสามารถใหม่ ๆ ที่เราใช้ไอเทมปลดล็อค นี่อาจเป็นเกม Action Roguelike ที่คุณอยากจะลุยต่อทุกครั้งที่ตาย และรู้ตัวอีกทีก็ “อ้าว เช้าแล้วหรือนี่” และที่สำคัญยังมีโหมดอย่าง God Mode ที่เปรียบเสมือนกับตัวช่วยให้คนที่ไม่อยากเล่นเกมยากจนเกินไปนัก สำหรับ God Mode ทุกครั้งที่ผู้เล่นตาย จะได้รับความต้านทานเพิ่มขึ้นทีละ 2% ด้วย
Performance
Hades น่าจะเป็นอีกเกมที่ไม่จำเป็นต้องใช้สเปคคอมพิวเตอร์สูงอะไรก็สามารถเล่นได้แบบลื่น ๆ บวกกับกินพื้นที่ในการติดตั้งน้อยมากทั้งที่มีฉาก และกราฟิกที่สวยงาม ก็จัดว่าเป็นเรื่องที่ดีงาม และหากคอมพิวเตอร์ใครผ่านสเปคขั้นแนะนำ ก็สามารถเต็มอิ่มกับไปการต่อสู้ด้วยแอ็คชั่นความเร็วสูงด้วยเฟรมเรท 60 แบบนิ่ง ๆ
ข้อแนะนำคือการเล่นเกมนี้ด้วย Mouse & Keyboard นั้น สามารถเล่นได้ก็จริง แต่อาจจะไม่ค่อยลื่นไหลเท่าที่ควร ถ้าเอาให้เหมาะจริง ๆ ผู้เขียนแนะนำให้เล่นด้วยจอยคอนโทรลเลอร์ดีกว่า โดยเฉพาะจอยของ XBOX จะดีมาก เป็นความรู้สึกส่วนตัว และต้องบอกก่อนว่าเกมนี้ยังไม่ลงให้กับเครื่องคอนโซลอย่าง XBOX และ PlayStation 4 ลงให้แต่เพียงเครื่อง PC กับ Nintendo Switch เท่านั้น ในส่วนของการตั้งค่ากราฟิก แสง สี เสียง ก็ถือว่าเป็นมาตรฐานสำหรับวิดีโอเกมยุคนี้ สามารถตั้งค่าปุ่มกดได้ หากใช้คีย์บอร์ด รวมไปถึงเปิด-ปิดระบบการสั่นสะเทือนเมื่อโดนโจมตีได้ด้วย รวมไปถึงทิศทางการแดช ให้ตามเคอร์เซอร์เมาสก็ทำได้ เป็นการปรับตั้งค่าที่เล็กน้อย แต่อาจส่งผลกับความถนัดในการเล่นของใครบางคนได้เลย
Hades อาจเป็นเกมอินดี้ท่ามกลางเหล่ายักษ์ใหญ่ผู้เข้าชิงตำแหน่ง Game of the Year แต่ศักยภาพทั้งเกมเพลย์ ระบบการเล่น เนื้อหา และภาพรวม คนที่เคยเล่นแล้วน่าจะไม่แปลกใจนักว่าทำไมมันถึงได้เข้าชิง และแม้หลายคนจะบอกว่า แค่เข้าชิงได้ก็ถือว่ามีความสุขแล้วสำหรับแฟนเกม แต่โดยส่วนตัวผู้เขียนเองยังหวังว่า Hades น่าจะได้คว้ารางวัลสักสาขามานอนกอดได้ แม้ว่าโอกาสได้รางวัลใหญ่อย่างเกมแห่งปีจะเกินเอื้อมไปสักหน่อยก็ตาม
Score 8.6/10