จะเป็นยังไงถ้าเราเอาเกมยิงปืนมาผสมกับเกม Puzzle?
นี่อาจเป็นส่วนผสมที่ดูแปลก แต่ไม่ใช่กับ My Friend Pedro เพราะนี่คือเกมอินดี้ที่ยิงกันสนั่นจอและต้องใช้หัวคิดเอาเรื่อง จนผมรู้สึกว่าไม่พูดถึงไม่ได้แล้ว และนี่คือรีวิว My Friend Pedro
Story – เนื้อเรื่องบาง ๆ แต่ไม่จืดจางจนน่าเบื่อ
จริง ๆ แล้วเกม My Friend Pedro เคยเป็นเกมแฟลชที่ทีม DeadToast ทำไว้ตั้งแต่ปี 2014 ก่อนที่ทีมงานจะเอามาปัดฝุ่นใหม่และวางขายบน Steam เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา
เราจะได้รับบทเป็นมือปืนสวมหน้ากากที่ความจำเสื่อม ตื่นมาเจอ Pedro กล้วยหอมเพื่อนรักที่ลอยไปมา คอยสอนระบบ gameplay ให้เรา และยังแนะนำทั้งเนื้อเรื่องและเส้นทางสู่เป้าหมาย ให้เราไปเจอศัตูและบอสด่านต่าง ๆ
เนื้อเรื่องของเกมนี้ไม่มีอะไรมาก มีหักมุมเล็กน้อยตามท้องเรื่อง ถ้าใครสายเล่นเสพเนื้อเรื่อง เกมนี้อาจไม่เข้มข้นนัก อย่างไรก็ตาม เนื้อเรื่องของเกมนี้ไม่ใช่ทีเด็ดอยู่แล้ว บางจุดเหมือนแค่มีเพื่อให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะอะไร ใครสัมพันธ์กับใครยังไง ปมต่าง ๆ ของตัวละครก็ยังค่อนข้างบาง แต่จะบอกว่าเป็นจุดบอดก็ไม่ใช่ เพราะมันก็มีเหตุผลในตัวมัน แค่ชั้นเชิงในการเล่ายังไม่เผ็ดร้อนเท่าระบบการเล่นที่โดดเด่นออกมาเฉย ๆ
กลับกัน สิ่งที่ทำให้ผมอยากอ่านเนื้อเรื่องกลับเป็นเพราะมุกตลกฝืดและเนื้อหาเหน็บแนมสังคมมากกว่า แต่ละประโยคที่ Pedro พูดมามีทั้งมุกแป้กขำไม่ออก และมุกตลกร้ายที่ชวนขำแห้งลึกในลำคอ
อย่างฉากนี้ Pedro เล่าว่าในสังคมบ้านเมืองปัจจุบัน พวกมนุษย์ที่ติดความรุนแรงจากเกมต้องย้ายมาอาศัยอยู่ในท่อระบายน้ำ เหมือนหนูหรือพวกแมลงสาบที่สังคมรังเกียจไม่มีผิด และคนพวกนี้ “อันตราย” หรืออย่างฉากที่เราบุกมาสู่รังของพวกวายร้ายซึ่งเรียกว่า The Internet มิตรรัก Pedro ก็เหน็บเล็ก ๆ ว่า เห็นชื่อเท่ ๆ นึกว่าจะดูล้ำกว่านี้ และยังแนะเราว่าถ้าเราครอง The Internet และควบคุมสื่อได้ เราก็จะมีอำนาจ
สิ่งที่ My Friend Pedro พยายามเล่า จึงเป็นเหมือนการวิจารณ์สื่อในสังคม ทั้งในเกมและนอกเกม ด้วยตลกร้ายที่อ่านแล้วได้แต่ขำแห้ง และในเมื่อสังคมมันห่วย ก็ฆ่ามันให้หมดนี่แหละ!
Presentation – หม่นเทาและ mindblown
My Friend Pedro เป็นเกมแนว shoot ‘em up ผ่านมุมมองแบบ 2D side-scrolling ฉากส่วนใหญ่จะทำเป็นสีทึม ๆ เน้นสีแดง เทา ฟ้า ตัดกับสีสันฉูดฉาดของตัวละครและเลือด ภาพในเกมออกแบบให้ดูเหมือน Industrial Art Style คือเห็นซากปรักหักพังและโครงสร้างตึกรามบ้านช่องเป็นส่วนใหญ่
เกมยังมีฉากเท่ ๆ ให้เสพกัน อย่างฉากซิ่งมอเตอร์ไซค์ ฉากโรยตัวลงมาจากตึกสูง และฉากที่ชวน mindblown อย่างฉากในฝัน เป็นฉากที่ดูยังไงก็ต้องร้องว่าบ้าบอสิ้นดี ใบหน้าเด๋อด๋าของคนน๊อตหลวม สีสันฉากที่สดใสด้วยสีชมพูตัดเขียวผิดกับฉากที่ผ่านมา และพวกมนุษย์ชุดดำที่ดูไม่มีพิษภัยแต่พร้อมฆ่าเราทุกเมื่อ นี่มันอะไรกัน (โว้ย)
เมื่อได้ภาพเท่ ๆ แล้ว เสียงประกอบที่ดุดันก็ต้องมา
เพลงในเกมจะเน้นบีททำนองที่ต่ำ เสียงซินธ์ลอย ๆ ดาร์ค ๆ ให้เข้ากับบรรยากาศและจังหวะเกมที่ดุดันรวดเร็ว เสียงปืนก็หนักแน่นดี ไม่มีปัญหา เวลาเล่น ๆ ไปก็รู้สึกเร้าอารมณ์ดี แต่เชื่อผมเถอะ เล่นไปก็ไม่ได้ตั้งใจฟังเพลงจริง ๆ จัง ๆ หรอก เพราะมัวแต่วิ่งยิงอย่างเดียว (ฮ่าๆ)
เอาเป็นว่าเรื่องเสียงกับภาพผมถือว่าผ่านฉลุยสำหรับเกมอินดี้ฟอร์มเล็กแต่เล่นใหญ่เกมนี้
Gameplay – ทีเด็ดที่เร่าร้อนของเกมนี้
สำหรับผม ระบบการเล่นหรือ Gameplay ถือเป็นไฮไลท์ของเกมนี้เลย เพราะมันไม่ใช่แค่การวิ่งหน้าตั้งยิงทุกอย่างที่ขวางหน้า ระบบเด็ดที่ทำให้เกมอินดี้เล็ก ๆ เกมนี้สนุกยิ่งขึ้นคือ Focus
ระบบ Focus พูดง่าย ๆ ก็เหมือนระบบ slow-mo ใน Max Payne ยืดเวลาให้ช้าลงแล้วยิงกระจุยกระจายไปเลย แต่ My Friend Pedro ทำให้การสโลว์โมชั่นเท่ยิ่งขึ้น ด้วยการใส่ท่าทางการเคลื่อนไหวสวย ๆ ให้เราได้เห็นชัด ๆ ทั้งท่วงท่ากระโดดม้วนตัวยิง หมุนตัวหลบกระสุน กระโดดไต่กำแพงมายิง เล่นไปก็นึกว่าเป็น The Matrix ยิงกันเลือดสาดเฉย ๆ ไม่ได้ ต้องเท่และเกร็งหน้าด้วย
My Friend Pedro ไม่เพียงนำเสนอความเมามันจากการสาดกระสุน แต่ยังออกแบบด่านต่าง ๆ ให้เป็น puzzle เล็ก ๆ พร้อมกับผสมผสานระบบการเล่นต่าง ๆ ที่น่าสนใจ
ในแต่ละด่านจะมีวัตถุที่เราสามารถตอบสนองด้วยได้ และวัตถุทุกชิ้นจะมีผลต่อการเล่นของเรา อย่างกระทะนี่เป็นวัตถุที่ผมชอบมาก เพราะเราสามารถเตะกระทะอัพหน้าศัตรูก็ได้ หรือจะยิงใส่กระทะเพื่อชิ่งกระสุนให้โดนศัตรูก็ได้ หรือสเก็ตบอร์ดก็เอามาขี่เล่นและใช้เล่นท่าเท่ ๆ ก็ได้ ได้อารมณ์ street fight ไปอีก
บางด่านเราก็ต้องมานั่งไขปริศนาเล็ก ๆ ว่าจะไปต่อยังไง ถ้าสับคันโยกนี้จะไปยังไงต่อ สับสวิทช์ตรงนี้แล้วต้องลงไปเจออะไร ศัตรูข้างหน้าเยอะมาก จะจัดการยังไง ถ้าเล่นโหมด normal อาจจะยังพอลุยดะได้ แต่ถ้าเล่น hard ขึ้นไปผมแนะนำว่ามีแผนไว้หน่อยก็ดี ไม่งั้นโดนยิงหน้าคว่ำก่อนได้วิ่งยิงหน้าตั้งแน่
หลังจบแต่ละด่าน เกมจะมีรีเพลย์ช็อตเด็ดและระบบคิดคะแนนให้ด้วย ซึ่งคะแนนจะคิดจากท่วงท่าของเราเวลาฆ่าศัตรู คอมโบการฆ่าที่เกิดจากการฆ่าติดต่อกันภายในเวลาจำกัด ยิ่งฆ่าติดต่อกันได้เยอะก็ยิ่งได้คะแนนเยอะ เวลาที่ใช้ผ่านด่าน ผ่านด่านโดยไม่ตายหรือไม่ ฆ่าศัตรูครบไหม และเล่นด้วยความยากอะไร เท่าที่ผมสังเกต สิ่งที่มีผลกับคะแนนในเกมจริง ๆ คือท่วงท่ากับคอมโบฆ่าศัตรู และเวลาที่ใช้ผ่านด่าน เพราะฉะนั้น ฆ่าให้ไว ถ้าทำได้ เอาคะแนนไปและรีเพลย์ไปแชร์อวดเพื่อนได้เลย
ทีนี้ ขอพูดถึงความตะขิดตะขวงใจของเกมนี้บ้าง อย่างแรกคือการออกแบบฉากที่ช่วงหลัง ๆ กลับมีผลกับการเล่นเยอะกว่าที่ควรจะเป็น ขณะที่เกมเน้นให้เราสโลว์โมเท่ ๆ สาดกระสุน และฆ่าให้เร็ว ฉากบางด่านกลับเป็นอุปสรรคเกินไป ทำให้เราใช้เวลาเดินผ่านบางจุดนานจนน่าหงุดหงิด แม้อาจไม่ได้นานขนาดนั้น แต่ก็นานพอจะทำให้หลุดคอมโบไปง่าย ๆ และบางด่านกลับเน้น puzzle ในฉากเยอะจนเริ่มไม่สนุกกับการยิงปืน
ช่วงท้าย ๆ ของเกมเองก็ค่อนข้างจำเจ เพราะศัตรูในเกมเหมือน ๆ กันไปหมด แค่อึดขึ้นและยิงปืนแรงขึ้น พอเจอศัตรูเหมือนเดิมไปเรื่อย ๆ แต่ฉากกลับอึดอัดขึ้น ทำให้ระบบการเล่นที่เน้นท่วงท่าเท่ ๆ ดูจืดลงไปถนัดตา
อีกอย่างที่น่าอึดอัดคือเรื่องปีน ปืนอื่นที่ไม่ใช่ปืนพกจะมีกระสุนจำกัด ต้องรอดรอปจากศัตรูเท่านั้น และหลายครั้งมันไม่ดรอป หมายความว่ายิง ๆ ไปอาจกระสุนหมด ต้องเปลี่ยนปืนกระทันหันระหว่างนัว ๆ อยู่ก็มี ถ้าจะมองว่าเป็นการออกแบบเกมให้ท้าทาย ต้องเล็งยิงอย่างพิถีพิถันก็คงได้ แต่ผมขัดใจเหลือเกิน เพราะบางทีก็อยากสาดกระสุนอัดหน้าให้หมดเลยมากกว่า
ปัญหาอีกอย่างเรื่องปืน คือถ้าเราย้อนไปเล่นด่านก่อน ๆ เราจะไม่สามารถใช้ปืนที่ได้มาหลังจากด่านนั้นได้ นั่นหมายความว่าแม้จะอยากเอาปืนเด็ด ๆ ตอนท้ายมาสาดใส่ศัตรูในด่านก่อน ๆ ก็ทำไม่ได้ ต้องเล่นไปตามเกมเรื่อย ๆ ทำให้สิ่งใหม่ ๆ ในการเล่นซ้ำไปตกอยู่ที่การทำคะแนนและการเพิ่มระดับความยาก ซึ่งบางทีผมก็อยากควักปืนเด็ด ๆ มาสาดกระสุนโง่ ๆ มากกว่า เลยติดใจตรงนี้นิดหน่อย
Summary – เกมอินดี้ฟอร์มเล็กที่ความสะใจใหญ่มาก
โดยรวมแล้ว My Friend Pedro เป็นเกมยิงปืนอินดี้ที่ดูดีเลย ราคา 245 บาท แลกกับ 40 ด่าน ใช้เวลาเล่นทั้งหมดประมาณ 3-4 ชม. และความสะใจที่ได้ยิงทุกอย่างที่ขวางหน้าด้วยท่วงท่า The Matrix ก็นับว่าคุ้มค่าทีเดียว แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็มันใช้ได้ ใครไม่ค่อยมีเวลาเล่นเกม แต่อยากหาเกมมาระบายอารมณ์ เล่นสั้น ๆ วันละนิดวันละหน่อย My Friend Pedro คือตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม